Knowledge

Software Development: ขั้นตอนพัฒนาซอฟต์แวร์ เริ่มจากอะไร?

ทำความเข้าใจกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development) ขั้นพื้นฐานตั้งแต่การวิเคราะห์ วางแผน ออกแบบ ไปจนถึงการ Deploy และ Maintain

Request special promotion now
Dec 16, 2025

การพัฒนาซอฟต์แวร์คืออะไร? เข้าใจกระบวนการและขั้นตอนพัฒนาโปรแกรมอย่างมืออาชีพ

การพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development) เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างระบบหรือโปรแกรมที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่แอปบนมือถือ เว็บไซต์ ระบบหลังบ้าน ไปจนถึงแพลตฟอร์มธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือใหญ่ ล้วนต้องอาศัยกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีขั้นตอนชัดเจน เพื่อให้ได้โปรแกรมที่ใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ผู้ใช้จริง

ทำความรู้จักการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development)

การพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือ Software Development หมายถึง การสร้าง ออกแบบ ปรับปรุง และดูแลระบบหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ทำงานตามที่ต้องการ เช่น ระบบขายหน้าร้าน แอปช้อปปิ้งออนไลน์ ระบบ CRM หรือเว็บไซต์ธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนที่เป็นระบบ ตั้งแต่การวางแผน เขียนโค้ด ทดสอบ จนถึงการดูแลหลังใช้งาน

ซอฟต์แวร์เข้ามาเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การสื่อสาร หรือธุรกิจ ทุกอย่างล้วนขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์คือกลไกสำคัญที่ทำให้ระบบเหล่านี้ทำงานได้อย่างราบรื่น ซึ่งสำหรับธุรกิจ การมีซอฟต์แวร์ที่ดีช่วยให้

  • ทำงานได้เร็วขึ้น ลดข้อผิดพลาด
  • ตอบสนองลูกค้าได้ดีขึ้น
  • สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
  • รองรับการเติบโตขององค์กรในระยะยาว

ดังนั้น การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพและมีกระบวนการที่ชัดเจน จึงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทุกธุรกิจในยุคนี้

ขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์มีกี่ขั้น และแต่ละขั้นทำอะไรบ้าง

ขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์นั้นมีหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับแนวทางการทำงานที่ทีมพัฒนาเลือกใช้ โมเดลที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมี 3 แบบหลักๆ คือ

  • Waterfall Model เป็นโมเดลแบบดั้งเดิมที่ทำงานเป็นขั้นเป็นตอนแบบเรียงลำดับ เหมาะกับโปรเจกต์ที่มี Requirement ชัดเจนตั้งแต่ต้น และไม่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
  • Agile Methodology เป็นแนวทางที่เน้นความยืดหยุ่นและการพัฒนาแบบทีละส่วนเล็กๆ (Iteration) ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนตาม Feedback และความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับโปรเจกต์ในยุคปัจจุบันที่ต้องการ Time-to-Market ที่เร็ว
  • DevOps เป็นการผสมผสานระหว่างการพัฒนา (Development) และการดูแลระบบ (Operations) เข้าด้วยกัน เน้นการทำงานอัตโนมัติและการส่งมอบซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง (Continuous Delivery)

แต่ถึงแม้โมเดลจะแตกต่างกัน แต่ขั้นตอนหลักของการพัฒนาซอฟต์แวร์มักประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญดังนี้

การวางแผนและการวิเคราะห์ (Planning & Analysis)

เมื่อต้องการพัฒนาโปรแกรมจะต้องทำสิ่งใดก่อน? ตอบได้ง่าย ๆ เลยว่า การวางแผนเป็นสิ่งที่มาอันดับแรก ทีมจะทำการรวบรวมข้อมูลความต้องการจากผู้ใช้งาน (Requirement Gathering) วิเคราะห์ปัญหาที่ต้องการแก้ไข กำหนดเป้าหมายของซอฟต์แวร์ และประเมินความเป็นไปได้ทั้งด้านเทคนิค งบประมาณ และระยะเวลา ในขั้นนี้จะมีการกำหนด Scope ของงาน จัดทำ Requirement Document และกำหนด Timeline ของโปรเจกต์

การออกแบบ (Design)

เมื่อได้ Requirement ที่ชัดเจนแล้วและวางแผนแล้ว ขั้นต่อมาคือการออกแบบสถาปัตยกรรมของระบบ (System Architecture) ออกแบบฐานข้อมูล (Database Design) และออกแบบหน้าตาส่วนติดต่อผู้ใช้งาน (UI/UX Design) การออกแบบที่ดีจะช่วยให้การพัฒนาในขั้นต่อไปราบรื่นขึ้น และซอฟต์แวร์ที่ได้มีประสิทธิภาพและใช้งานง่าย

การเขียนโค้ดและพัฒนา (Development/Implementation)

Developer หรือนักพัฒนาเริ่มเขียนโค้ดจริงๆ ตาม Design ที่กำหนดไว้ การเลือกใช้ภาษาโปรแกรมและ Framework ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมาก เช่น Python สำหรับ Data Science, JavaScript สำหรับ Web Development หรือ Swift สำหรับแอป iOS ในขั้นตอนนี้ทีมจะทำงานร่วมกันผ่านระบบ Version Control เช่น Git เพื่อจัดการโค้ดและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การทดสอบ (Testing)

หลังจากเขียนโค้ดเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการทดสอบซอฟต์แวร์อย่างละเอียด ทีม QA (Quality Assurance) จะทำการทดสอบหลายรูปแบบ เช่น Unit Testing (ทดสอบส่วนย่อยของโค้ด), Integration Testing (ทดสอบการทำงานร่วมกันของส่วนต่างๆ), และ User Acceptance Testing (ให้ผู้ใช้จริงทดสอบ) เพื่อตรวจหาและแก้ไข Bug หรือข้อผิดพลาดก่อนนำไปใช้งานจริง

การปรับใช้ (Deployment)

เมื่อผ่านการทดสอบและแก้ไขข้อบกพร่องแล้ว ซอฟต์แวร์จะถูกนำไปติดตั้งหรือเผยแพร่ให้ผู้ใช้งานได้ใช้จริง ซึ่งอาจเป็นการ Deploy ขึ้น Server, เผยแพร่บน App Store/Play Store หรือติดตั้งบนเครื่องผู้ใช้โดยตรง ในยุคปัจจุบันมักใช้ CI/CD (Continuous Integration/Continuous Deployment) เพื่อให้การ Deploy เป็นไปโดยอัตโนมัติและรวดเร็ว

การดูแลและบำรุงรักษา (Maintenance & Support)

หลังจาก Deploy แล้ว ทีมพัฒนาต้องคอยดูแล Monitor ระบบ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รับ Feedback จากผู้ใช้ และพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง การอัพเดทความปลอดภัย (Security Patch) และการปรับปรุงประสิทธิภาพก็เป็นส่วนสำคัญของขั้นตอนนี้

การบำรุงรักษา (Maintenance)

เป็นขั้นตอนการแก้ไขปัญหา อัปเดตระบบ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ และปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานในอนาคต

การเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารโปรเจกต์ซอฟต์แวร์ได้ดีขึ้น ลดความผิดพลาด และเพิ่มคุณภาพของระบบที่พัฒนาออกมา

กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Development Process)

คำว่า กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงแค่ขั้นตอนเท่านั้น แต่คือการทำงานร่วมกันของหลายฝ่าย เพื่อให้ซอฟต์แวร์ออกมามีคุณภาพและตรงตามความต้องการ โดยทั่วไป ทีมที่เกี่ยวข้องได้แก่

  • Project Manager ทำหน้าที่วางแผนโปรเจกต์ ติดตามความคืบหน้า จัดการทรัพยากร และประสานงานระหว่างทีมกับลูกค้า เพื่อให้โปรเจกต์เสร็จตาม Timeline และอยู่ใน Budget ที่กำหนด
  • Business Analyst ทำหน้าที่รวบรวมและวิเคราะห์ความต้องการทางธุรกิจ แปลความต้องการของลูกค้าให้เป็น Requirement ที่ชัดเจนสำหรับทีมเทคนิค และตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์ที่พัฒนาตอบโจทย์ธุรกิจได้จริงหรือไม่
  • UI/UX Designer รับผิดชอบออกแบบหน้าตาและประสบการณ์การใช้งาน ทำ Wireframe, Mockup และ Prototype เพื่อให้ซอฟต์แวร์ใช้งานง่าย สวยงาม และตอบโจทย์ผู้ใช้
  • Developer แบ่งเป็น Frontend Developer (พัฒนาส่วนที่ผู้ใช้เห็นและโต้ตอบ), Backend Developer (พัฒนาส่วน Server และฐานข้อมูล) และ Full-stack Developer (ทำได้ทั้ง Frontend และ Backend) ซึ่งทีม Developer เป็นคนเขียนโค้ดและสร้างซอฟต์แวร์ขึ้นมาจริงๆ
  • QA Engineer หรือ Tester ทำหน้าที่ทดสอบซอฟต์แวร์ตามแผนการทดสอบที่วางไว้ หา Bug และตรวจสอบคุณภาพของซอฟต์แวร์ก่อนส่งมอบให้ลูกค้า
  • DevOps Engineer ดูแลระบบ Infrastructure, การ Deploy และ Monitoring ทำให้กระบวนการพัฒนาและการส่งมอบซอฟต์แวร์รวดเร็วและมีเสถียรภาพ

สิ่งสำคัญของกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์คือแนวคิด Iterative Process หรือการพัฒนาแบบวนซ้ำและต่อเนื่อง แทนที่จะพัฒนาครั้งเดียวให้เสร็จทั้งหมด กระบวนการในปัจจุบันมักแบ่งการพัฒนาออกเป็น Sprint หรือ Iteration เล็กๆ แต่ละ Sprint จะใช้เวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์ มีการวางแผน พัฒนา ทดสอบ และ Review ภายใน Sprint นั้นๆ

ข้อดีของวิธีนี้คือทำให้ทีมสามารถรับ Feedback จากผู้ใช้หรือ Stakeholder ได้เร็วขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางหรือเพิ่มลดฟีเจอร์ได้คล่องตัว และลดความเสี่ยงที่จะพัฒนาไปผิดทิศทาง และการพัฒนาแบบ Iterative ยังช่วยให้ซอฟต์แวร์สามารถออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้นด้วยการส่ง MVP (Minimum Viable Product) หรือผลิตภัณฑ์ในเวอร์ชันพื้นฐานที่ใช้งานได้ออกไปก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมในรอบถัดไป

เมื่อต้องการพัฒนาโปรแกรม ควรเริ่มจากอะไรก่อน

ในการพัฒนาโปรแกรม ต้องเริ่มจากการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนและทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของซอฟต์แวร์ที่จะพัฒนาเป็นอันดับแรก เพื่อให้การพัฒนาโปรแกรมมีทิศทางที่ชัดเจน

กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์

ก่อนเริ่มพัฒนาอะไรก็ตาม ต้องตอบคำถามสำคัญให้ได้ว่า "ซอฟต์แวร์นี้จะแก้ปัญหาอะไร" "ใครคือผู้ใช้งาน" "ฟีเจอร์หลักที่ต้องมีคืออะไร" และ "เป้าหมายทางธุรกิจคืออะไร" การมีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นจะช่วยให้การพัฒนามีทิศทางที่ถูกต้อง และสามารถวัดความสำเร็จได้

ศึกษากลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย

ทำความเข้าใจว่าใครจะเป็นคนใช้ซอฟต์แวร์ของคุณ พฤติกรรมการใช้งานเป็นอย่างไร ปัญหาหรือความต้องการของพวกเขาคืออะไร การทำ User Research ผ่านการสัมภาษณ์ แบบสอบถาม หรือการวิเคราะห์คู่แข่งจะช่วยให้คุณออกแบบซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้อย่างแท้จริง

วางแผนทีมงานและงบประมาณ

การพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องใช้ทรัพยากรทั้งคนและเงิน คุณต้องประเมินว่าต้องการทีมงานขนาดเท่าไร ต้องการ Skill Set อะไรบ้าง เช่น Frontend Developer, Backend Developer, Designer, QA รวมถึงงบประมาณที่มีเพียงพอหรือไม่

เลือกเทคโนโลยีและเครื่องมือที่เหมาะสม

ในการเลือกภาษาโปรแกรม Framework และเครื่องมือต่างๆ ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น

  • ประเภทของซอฟต์แวร์ - Web Application อาจใช้ React, Angular หรือ Vue.js สำหรับ Frontend และ Node.js, Python (Django/Flask) หรือ PHP (Laravel) สำหรับ Backend ส่วน Mobile App อาจใช้ React Native, Flutter หรือ Native Language ของ OS (Swift/Kotlin)
  • ความเร็วในการพัฒนา - บาง Technology Stack ช่วยให้พัฒนาได้เร็วกว่า เช่น Framework ที่มี Built-in Features มากหรือมี Library ที่ครบครัน
  • Scalability - เทคโนโลยีที่เลือกต้องรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ไม่ใช่แค่ตอบโจทย์ในปัจจุบันเท่านั้น
  • ทีมพัฒนา - ต้องเลือกเทคโนโลยีที่ทีมมีความชำนาญหรือสามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากเกินไป

ปัจจัยที่ทำให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ประสบความสำเร็จ

นอกจากการเริ่มต้นที่ดีแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยให้โปรเจกต์ประสบความสำเร็จ เช่น 

  • การสื่อสารที่ดีภายในทีม - ใช้เครื่องมือจัดการโปรเจกต์เช่น Jira, Trello, Asana เพื่อ Track งานและแชร์ข้อมูล มีการประชุม Daily Stand-up เพื่ออัพเดทความคืบหน้าและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทันที
  • การจัดการเวอร์ชันที่ดี - ใช้ Git และ GitHub/GitLab เพื่อควบคุมเวอร์ชันของโค้ด ทำให้หลายคนทำงาร่วมกันได้โดยไม่เกิด Conflict
  • การทดสอบอย่างสม่ำเสมอ - ไม่ควรรอให้พัฒนาเสร็จหมดแล้วค่อยทดสอบ ควรทดสอบไปพร้อมๆ กับการพัฒนา (Test-Driven Development) และมีการทดสอบอัตโนมัติ (Automated Testing)
  • การรับ Feedback อย่างสม่ำเสมอ - พูดคุยกับผู้ใช้หรือ Stakeholder บ่อยๆ เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่พัฒนาตรงกับความต้องการ
  • การเขียน Documentation ที่ดี - เอกสารที่ดีทำให้การ Handover งาน Onboard สมาชิกใหม่ และการดูแลระบบในอนาคตทำได้ง่ายขึ้น

สรุป: Software Development ที่ดีเริ่มจากกระบวนการที่ชัดเจน

การพัฒนาซอฟต์แวร์ คือ การทำงานร่วมกันจากหลายฝ่าย ผ่านขั้นตอนที่มีระบบ ทั้งการวางแผน ออกแบบ พัฒนา ทดสอบ และดูแลระบบอย่างต่อเนื่อง ยิ่งองค์กรมีแผนงานชัดเจน ทีมสื่อสารกันดี และเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ซอฟต์แวร์ที่ได้ก็จะมีคุณภาพและตอบโจทย์ผู้ใช้อย่างแท้จริง

เริ่มต้นพัฒนาโปรแกรมของคุณกับผู้เชี่ยวชาญของเรา ทีมนักพัฒนาของ Com7 Business ยินดีให้คำปรึกษาและบริการแบบครบวงจร พร้อมออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ

กรอกรายละเอียดเพื่อรับการติดต่อกลับ

By clicking the “Submit” button, you hereby acknowledge that Com7, will process your personal information in accordance with our Privacy Policy.

Submit
Thank you! Your submission has been received!
Oops! Something went wrong while submitting the form.

Related blogs

Request special promotion now